การประเมินด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

หมวดที่ 5 สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย

ประเด็น ตัวชี้วัด ผลการดำเนินงาน หลักฐาน
5.1 อากาศในสำนักงาน

5.1.1 การควบคุมมลพิษทางอากาศในสำนักงาน

(1) มีแผนการดูแลบำรุงรักษา ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เอกสาร (Printer) ม่าน มูลี่ พรมปูพื้นห้อง (ขึ้นอยู่กับสำนักงาน)
(2) มีการกำหนดความถี่ หน้าที่ความรับผิดชอบตามแผนการดูแลบำรุงรักษา
(3) มีผลการปฏิบัติตามแผนที่กำหนดใน ข้อ 1
(4) มีการควบคุมมลพิษทางอากาศจากการปฏิบัติในข้อ 1
(5) การจัดวางเครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร (Printer) ให้ห่างไกลผู้ปฏิบัติงาน
(6) การควบคุมควันไอเสียรถยนต์บริเวณสำนักงาน เช่น ติดป้ายดับเครื่องยนต์
(7) การป้องกันอันตรายจากการพ่นยากำจัดแมลง (ถ้ามี)
(8) มีการสื่อสารหรือแจ้งให้ทราบถึงการเกิดมลพิษทางอากาศจากกิจกรรมต่างๆ เพื่อการเตรียมความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย
(สามารถพิจารณาจากเอกสารหรือภาพถ่ายเป็นหลักฐานประกอบ)

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศได้ดำเนินการตามแนวทางการดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสำนักงานอย่างเหมาะสม โดยมีการจัดทำแผนการดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เอกสาร (Printer) ม่านบังแดดและพื้นห้อง (ตามความเหมาะสมของแต่ละสำนักงาน) เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

ภายใต้แผนดังกล่าว ได้มีการกำหนดความถี่ในการตรวจสอบ การบำรุงรักษา รวมถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องไว้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีการติดตามผลการปฏิบัติงานตามแผนที่ได้กำหนดไว้

นอกจากนี้ หน่วยงานยังให้ความสำคัญต่อการควบคุมมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้หรือบำรุงรักษาอุปกรณ์ดังกล่าว โดยได้จัดวางเครื่องพิมพ์เอกสารและเครื่องถ่ายเอกสารให้อยู่ในบริเวณที่ห่างจากพื้นที่ปฏิบัติงานของบุคลากร เพื่อลดการสัมผัสกับสารระเหยหรืออนุภาคฝุ่นละอองที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ

ในส่วนของการควบคุมควันไอเสียจากรถยนต์ที่จอดบริเวณสำนักงาน ได้มีการติดตั้งป้ายห้ามจอดไว้หน้าบริเวณสำนัก และหากมีผู้ใช้บริการมาจอดรถเป็นการชั่วคราว ทางสำนักจะประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ เพื่อป้องกันการสะสมของมลพิษในอากาศ

สำหรับกรณีที่มีการพ่นยากำจัดแมลงในพื้นที่สำนักงาน หน่วยงานได้มีมาตรการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่บุคลากร โดยแจ้งล่วงหน้าและดำเนินการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ได้มีการสื่อสารและแจ้งเตือนให้บุคลากรทราบถึงการเกิดมลพิษทางอากาศจากกิจกรรม ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมและป้องกันตนเองจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.1.1

5.1.2 มีการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่หรือมีการกำหนดพื้นที่สูบบุหรี่ที่เหมาะสมและปฏิบัติตามที่กำหนด

(1) มีการรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ และมีการสื่อสารเกี่ยวกับอันตรายพิษภัยจากการสูบบุหรี่
(2) มีการติดสัญลักษณ์เขตปลอดบุหรี่
(3) มีการติดสัญลักษณ์เขตสูบบุหรี่
(4) กำหนดเขตสูบบุหรี่ของหน่วยงานและมีการจัดการก้นบุหรี่ โดยเขตสูบบุหรี่จะต้องไม่อยู่ในบริเวณที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียง และไม่อยู่ในบริเวณทางเข้า – ออกของสถานที่ที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และไม่อยู่ในบริเวณที่เปิดเผยอันเป็นที่เห็นได้ชัดแก่ผู้มาใช้สถานที่นั้น
(5) ไม่พบการสูบบุหรี่ หรือก้นบุหรี่นอกเขตสูบบุหรี่
(กรณีหน่วยงานเป็นสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ไม่ต้องดำเนินการข้อ (3) – (4) และจะต้องไม่พบการสูบบุหรี่ หรือก้นบุหรี่ ตามข้อ (5))

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลับราชภัฏสงขลาได้ดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมและลดผลกระทบจากการสูบบุหรี่ โดยมีการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัยและอันตรายจากการสูบบุหรี่ รวมทั้งมีการสื่อสารเผยแพร่ข้อมูลให้แก่บุคลากรและประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดเขตพื้นที่ปลอดบุหรี่โดยชัดเจน พร้อมติดตั้งสัญลักษณ์แสดงเขตปลอดบุหรี่ในจุดที่เห็นได้ชัดเจน รวมถึงจัดให้มีเขตสูบบุหรี่เฉพาะ โดยมีการติดตั้งสัญลักษณ์แสดงเขตสูบบุหรี่ให้ชัดเจนเช่นกัน ทั้งนี้ เขตสูบบุหรี่ดังกล่าวได้รับการจัดสรรให้อยู่ในบริเวณที่เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนบริเวณข้างเคียง ไม่อยู่ในบริเวณทางเข้า–ออกของสถานที่ที่มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และไม่อยู่ในบริเวณที่เปิดเผย ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดของผู้มาใช้บริการสถานที่นั้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดการและเก็บก้นบุหรี่อย่างเหมาะสม เพื่อรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ 

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.1.2

5.1.3 การจัดการมลพิษทางอากาศจากการก่อสร้าง ปรับปรุง อาคารหรืออื่นๆ ในสำนักงานที่ส่งผลต่อบุคลากร

(1) กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการมลพิษทางอากาศจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคาร
(2) ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดในข้อ (1)
แนวทางการกำหนดมาตรการมีดังนี้
- มีพื้นที่ทำงานสำรองให้กับบุคลากร
- มีที่กั้นเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศที่จะส่งผลกระทบกับบุคลากรหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
- มีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อการเตรียมความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการกับมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมก่อสร้างหรือการปรับปรุงอาคาร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อบุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมาตรการดังกล่าวได้ถูกออกแบบให้ครอบคลุมทั้งด้านความปลอดภัย สุขอนามัย และความสะดวกในการปฏิบัติงาน

แนวทางการดำเนินมาตรการประกอบด้วย การจัดเตรียมพื้นที่ทำงานสำรองให้กับบุคลากรในช่วงที่มีการก่อสร้างหรือปรับปรุง การติดตั้งสิ่งกั้นหรือวัสดุป้องกันเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ทำงาน และการจัดทำป้ายแจ้งเตือนหรือสื่อสารให้บุคลากรได้รับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมและป้องกันตนเองจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ หน่วยงานได้ดำเนินการตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การปฏิบัติงานภายในสำนักงานสามารถดำเนินไปได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.1.3
5.2 แสงในสำนักงาน

5.2.1 มีการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง (โดยอุปกรณ์การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างที่ได้มาตรฐาน) และดำเนินการแก้ไขตามที่มาตรฐานกำหนด

(1) มีการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างประจำปี พร้อมแสดงหลักฐานผลการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างเฉพาะจุดทำงานและพื้นที่ทำงาน
(2) เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างจะต้องมีมาตรฐานและได้รับการสอบเทียบ (แสดงหลักฐานใบรับรอง)
(3) ผลการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด
(4) ผู้ที่ตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างจะต้องเป็นผู้ที่สามารถใช้เครื่องมือได้อย่างถูกต้อง หรือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
(5) หลักฐานภาพประกอบการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างเฉพาะจุดทำงานและพื้นที่ทำงาน

เนื่องจากทางสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง และเพื่อให้สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานของบุคลากรภายในสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มีความเหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ สำนักวิทยบริการฯ จึงได้จัดทำแผนดำเนินการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างในพื้นที่ปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีแนวทางดำเนินงานตามตารางแผนดำเนินงาน: การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง (ปีงบประมาณ 2569) ดังแสดงในหลักฐานตัวชี้วัด

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.2.1
5.3 เสียง

5.3.1 การควบคุมมลพิษทางเสียงภายในอาคารสำนักงาน

(1) กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการเสียงดังที่มาจากภายในสำนักงาน
(2) ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดในข้อ (1) ถ้าพบว่ามีเสียงดังที่มาจากภายในสำนักงาน

เพื่อให้สภาพแวดล้อมภายในสำนักงานเอื้อต่อการเรียนรู้และการปฏิบัติงานของบุคลากรและผู้ใช้บริการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จึงได้จัดทำมาตรการและแผนควบคุมมลพิษทางเสียง โดยมุ่งเน้นการจัดการเสียงดังที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์ การสื่อสาร หรือกิจกรรมภายในอาคารสำนักงาน อันอาจรบกวนการปฏิบัติงานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ปฏิบัติงานและผู้รับบริการ

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.3.1

5.3.2 การจัดการเสียงดังจากการก่อสร้าง ปรับปรุง อาคารหรืออื่นๆ ในสำนักงานที่ส่งผลต่อบุคลากร

(1) กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการเสียงดังที่เกิดจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคาร
(2) ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดในข้อ (1)
แนวทางการกำหนดมาตรการมีดังนี้
มีพื้นที่ทำงานสำรองให้กับบุคลากร
มีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อการเตรียมความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย

เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากเสียงดังที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารภายในสำนักงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศได้จัดทำแผนและมาตรการรองรับอย่างเป็นระบบ แสดงในหลักฐาน ดังนี้

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.3.2
5.4 ความน่าอยู่

5.4.1 มีการวางแผนจัดการความน่าอยู่ของสำนักงานโดยจะต้องดำเนินการดังนี้

(1) จัดทำแผนผังของสำนักงานทั้งในตัวอาคารและนอกอาคาร โดยจะต้องกำหนดพื้นที่ใช้งานอย่างชัดเจน เช่น พื้นที่ทำงาน ห้องประชุม พื้นที่ส่วนรวม พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สีเขียว เป็นต้น โดยจะต้องมีการสื่อสารด้วยป้ายหรืออื่นๆ ที่เหมาะสมเพื่อบ่งชี้
(2) มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมทั้งพื้นที่เฉพาะ และพื้นที่ทั่วไป ทั้งในอาคารและนอกอาคาร
(3) มีการกำหนดเวลาในการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งพื้นที่เฉพาะ และพื้นที่ทั่วไป ทั้งในอาคารและนอกอาคาร เช่น 5ส Big cleaning Day
(4) มีแผนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในอาคารหรือบริเวณโดยรอบอาคาร หรือคงรักษาไว้ ตามบริบทของหน่วยงาน และมีการปฏิบัติจริงตามแผน

        การวางแผนจัดการความน่าอยู่ของสำนักงาน

             สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ได้ดำเนินการวางแผนจัดการความน่าอยู่ของสำนักงานโดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

  1. การจัดทำแผนผังสำนักงาน
    จัดทำแผนผังแสดงพื้นที่การใช้งานทั้งภายในตัวอาคารและบริเวณโดยรอบอย่างชัดเจน ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม พื้นที่ส่วนรวม พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และพื้นที่สีเขียว เป็นต้น โดยมีการติดตั้งป้ายหรือสัญลักษณ์ที่เหมาะสม เพื่อให้บุคลากรและผู้มาติดต่อสามารถรับทราบและใช้พื้นที่ได้อย่างถูกต้องและสะดวก

  2. การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ
    กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบในการดูแลพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเหมาะสมทั้งในพื้นที่เฉพาะและพื้นที่ทั่วไป ทั้งภายในและนอกอาคาร เพื่อให้การบริหารจัดการพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  3. การกำหนดเวลาในการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    จัดตารางเวลาการดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ทุกส่วน โดยครอบคลุมทั้งพื้นที่เฉพาะและพื้นที่ทั่วไป ทั้งในอาคารและบริเวณโดยรอบ เช่น การจัดกิจกรรม 5ส และ Big Cleaning Day อย่างสม่ำเสมอ

  4. แผนการเพิ่มและรักษาพื้นที่สีเขียว
    วางแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในอาคารและบริเวณโดยรอบ หรือคงรักษาพื้นที่สีเขียวที่มีอยู่เดิมตามบริบทของหน่วยงาน และดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมบรรยากาศที่ดีและความน่าอยู่ของสำนักงาน

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.4.1

5.4.2 ร้อยละการใช้สอยพื้นที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงานกำหนด

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.4.2

5.4.3 ร้อยละการดูแลบำรุงรักษาพื้นที่ต่างๆ เช่น พื้นที่สีเขียว พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ทำงาน เป็นต้น

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.4.3

5.4.4 มีการควบคุมสัตว์พาหะนำโรคและดำเนินการได้ตามที่กำหนด

(1) มีการกำหนดแนวทางการป้องกันสัตว์พาหะนำโรคในสำนักงานอย่างเหมาะสม ได้แก่ นกพิราบ หนู แมลงสาบ และอื่นๆ
(2) มีการกำหนดความถี่ในการตรวจสอบร่องรอยสัตว์พาหะนำโรคอย่างน้อยที่สุดเดือนละ 1 ครั้ง
(3) มีการตรวจสอบร่องรอยตามความถี่ที่ได้กำหนด (เฉพาะตอนกลางวัน)
(4) มีแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดการเมื่อพบร่องรอยสัตว์พาหะนำโรค
(5) ไม่พบร่องรอยหรือสัตว์พาหะนำโรคในระหว่างการตรวจประเมิน
หมายเหตุ การควบคุมสัตว์พาหะนำโรค สำนักงานสามารถควบคุมและจัดการได้เอง หรือว่าจ้างหน่วยงานเฉพาะมาดำเนินการแทน

การควบคุมสัตว์พาหะนำโรคภายในสำนักงาน

    สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงาน โดยเฉพาะการควบคุมและป้องกันสัตว์พาหะนำโรคที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของบุคลากรและผู้ใช้บริการ เช่น หนู แมลงสาบ นกพิราบ และสัตว์อื่น ๆ ที่เป็นพาหะของโรคต่าง ๆ ซึ่งอาจแพร่เชื้อหรือสร้างความเสียหายต่ออาคารสถานที่และเอกสารได้สำนักฯ จึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ดังนี้

  1. การกำหนดแนวทางการป้องกันสัตว์พาหะนำโรค
    มีการวางแผนและดำเนินมาตรการป้องกันสัตว์พาหะนำโรคภายในพื้นที่สำนักงานอย่างเหมาะสม เช่น การปิดช่องทางที่เป็นทางผ่านของสัตว์เหล่านี้ การเก็บขยะอย่างเป็นระบบ การใช้ภาชนะหรือกับดักในจุดเสี่ยง รวมถึงการดูแลความสะอาดเป็นประจำเพื่อไม่ให้เกิดแหล่งสะสม

  2. การกำหนดความถี่ในการตรวจสอบ
    มีการวางแผนการตรวจสอบร่องรอยของสัตว์พาหะนำโรคอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยมุ่งเน้นพื้นที่เสี่ยง เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ บริเวณรอบถังขยะ และจุดที่มีความชื้นหรืออับทึบ

  3. การปฏิบัติตามความถี่ที่กำหนด
    ดำเนินการตรวจสอบตามรอบเวลาที่กำหนดในช่วงเวลากลางวัน โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะดำเนินการสำรวจร่องรอย เช่น กลิ่น มูล รอยกัด หรือร่องรอยการเคลื่อนไหว และลงบันทึกผลการตรวจสอบไว้เป็นหลักฐาน

  4. แนวทางการจัดการเมื่อพบร่องรอยสัตว์พาหะ
    หากพบร่องรอยหรือหลักฐานของสัตว์พาหะ หน่วยงานจะดำเนินการจัดการทันทีตามแนวทางที่เหมาะสม เช่น การวางกับดัก การใช้สารกำจัดแมลง หรือประสานหน่วยงานเฉพาะด้านมาดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด


หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.4.4
5.5 การเตรียมพร้อมต่อสภาวะฉุกเฉิน

5.5.1 การอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟตามแผนที่กำหนด

(1) มีการกำหนดแผนการฝึกอบรมและอพยพหนีไฟ
(2) จำนวนบุคลากรเข้าอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงขั้นต้น จะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของบุคลากรแต่ละแผนกหรือส่วนงาน
(3) บุคลากรทุกคนจะต้องเข้าฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง (พิจารณาบุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่อยู่ประจำพื้นที่สำนักงานที่มีการฝึกซ้อมเท่านั้น)
(4) มีการอบรมดับเพลิงขั้นต้นตามแผนที่กำหนด พร้อมแสดงหลักฐาน ได้แก่ รายงานสรุปการอบรม ภาพถ่ายวิทยากรขณะอบรม ใบรับรองการอบรม (ถ้ามี)
(5) มีการฝึกซ้อมอพยพตามแผนที่กำหนด พร้อมแสดงหลักฐาน ได้แก่ ภาพถ่ายการอบรม ภาพถ่ายขณะซ้อมอพยพ
(6) มีการกำหนดจุดรวมพลที่สามารถรองรับได้ พร้อมมีป้ายแสดงอย่างชัดเจน
(7) มีการกำหนดเส้นทางหนีไฟ ธงนำทางหนีไฟ ไปยังจุดรวมพล พร้อมสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติงาน
(8) มีการกำหนดทางออกฉุกเฉิน ทางหนีไฟ พร้อมมีป้ายแสดงอย่างชัดเจน

การอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟตามแผนที่กำหนด

การเตรียมความพร้อมรับมือเหตุเพลิงไหม้ภายในสำนักงาน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีบุคลากรและผู้ใช้บริการจำนวนมาก เช่น สถานศึกษา หน่วยงานบริการ หรือสำนักงานของรัฐ การมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน และการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความสูญเสียทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไป

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดให้มีแผนการฝึกอบรมและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟอย่างเป็นระบบ โดยกำหนดให้บุคลากรทุกคนต้องมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้นซึ่งจะต้องมีบุคลากรเข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของจำนวนบุคลากรในแต่ละส่วนงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินเบื้องต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บุคลากรประจำสำนักงานทุกคนจะต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยการฝึกซ้อมจะต้องดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน มีการจัดทำรายงานผลการอบรม ภาพถ่ายประกอบกิจกรรม และเอกสารรับรองการเข้าร่วมอบรมหากมี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามและประเมินผล

ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้มีการจัดเตรียมจุดรวมพลที่สามารถรองรับจำนวนบุคลากรได้เพียงพอ พร้อมป้ายแสดงตำแหน่งอย่างชัดเจน รวมถึงกำหนดเส้นทางหนีไฟ ธงนำทาง จุดทางออกฉุกเฉิน และป้ายแสดงเส้นทางหลบหนีในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อให้บุคลากรสามารถอพยพออกจากอาคารได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานในการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและยั่งยืนในองค์กร

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.5.1

5.5.2 มีแผนฉุกเฉินที่เป็นปัจจุบันและเหมาะสม และร้อยละของบุคลากรที่เข้าใจแผนฉุกเฉิน (สุ่มสอบถามอย่างน้อย 4 คน)

(1) มีการจัดทำแผนฉุกเฉินที่เป็นปัจจุบันและเหมาะสม

(2) บุคลากรเข้าใจแผนฉุกเฉินและอธิบายรายละเอียดได้

สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มีแผนฉุกเฉินที่เป็นปัจจุบันและเหมาะสม และร้อยละของบุคลากรที่เข้าใจแผนฉุกเฉิน ซึ่งมีการสุ่มสอบถามบุคลากรในการบอกเล่าวิธีการและความรู้ความเข้าใจในการใช้แผนฉุกเฉินหากมีสถานการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย สภาวะฉุกเฉิน

หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.5.2

5.5.3 ความเพียงพอและการพร้อมใช้งานของอุปกรณ์ระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัย และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และร้อยละของบุคลากรทราบวิธีการใช้และตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าว (สุ่มสอบถามอย่างน้อย ๔ คน)

(1) มีการติดตั้งและเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิง
ถังดับเพลิงมีเพียงพอต่อการใช้งาน (กำหนดระยะห่าง อย่างน้อย ๒๐ เมตร/ถัง ตามกฎหมาย ติดตั้งสูงจากพื้นไม่เกิน ๑๕๐ เซนติเมตรนับจากคันบีบ และถ้าเป็นวางกับพื้นจะต้องมีฐานรองรับ) พร้อมกับติดป้ายแสดง
ติดตั้งระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง (ถ้ามี)
สายฉีดน้ำดับเพลิงและตู้เก็บสายฉีด (Hose and Hose Station) (ถ้ามี)
(2) ติดตั้งระบบสัญญาณแจ้งเตือนและต้องพร้อมใช้งาน
สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (พื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตรหรืออาคารสูงเกิน 2 ชั้นขึ้นไป)
ติดตั้งตัวดักจับควัน(smoke detector) หรือตัวตรวจจับความร้อน (heat detector)
(3) มีการตรวจสอบข้อ (1) - (2) และหากพบว่าชำรุดจะต้องดำเนินการแจ้งซ่อมและแก้ไข
(4) จัดทำแผนผังแสดงตำแหน่งของอุปกรณ์ดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัย และสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้
(5) บุคลากรจะต้องเข้าใจถึงวิธีการใช้และตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิงและสัญญาณแจ้งเตือน อย่างน้อยร้อยละ 75 จากที่สุ่มสอบถาม
(6) ไม่มีสิ่งกีดขวางอุปกรณ์ดับเพลิง และสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้
ติดตั้งถังดับเพลิงทุกชั้น ในอาคารบรรณราชนครินทร์, อาคารวิทยบริการ และอาคารศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์ หลักฐานตัวชี้วัดที่ 5.5.3