การพัฒนานวัตกรรมเหยื่อเชื้อราฆ่าแมลงสำหรับการควบคุมแมลงวันพริก Innovative (Development of Entomopathogenic Fungicide Bait to Control Chilli Fruit Fly)

Book Cover

ประเภท: 

งานวิจัย

ผู้แต่ง: 

วนิดา เพ็ชร์ลมุล, ไสว บัวแก้ว, คุลยา ศรีโยม

สำนักพิมพ์: 

มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ปีที่พิมพ์: 

2567

เลขหมู่: 

รายละเอียด: 

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาเหยื่อเชื้อราฆ่าแมลงสำหรับควบคุมแมลงวันพริก โดยศึกษาสภาวะที่เหมาะสมของการพัฒนาเหยื่อล่อเชื้อราฆ่าแมลง Beauveria bassiana สำหรับควบคุมแมลงวันพริก Bactrocera latifrons จากการคัดเลือกชนิดและอัตราส่วนที่เหมาะสมของสารที่มีฤทธิ์ดึงดูดแมลงวันพริก และศึกษาความเป็นพิษของสารทดสอบที่พัฒนามาเป็นเหยื่อล่อต่อการเจริญของเชื้อราฆ่าแมลง และลักษณะการเจริญของเชื้อราภายใต้กล้อง Scanning Electron Microscope จากนั้นทดสอบต่อการดึงดูดแมลงวันพริกในสภาพแปลงพริก โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่ม Split plot in Randomized Complete Block Design ในแปลงพริก โดยกำหนดให้ Mainplot คือระยะเวลาในการเติมเหยื่อล่อ คือ 0 วัน, 3 วัน, 7 วัน, 10 วัน เพื่อศึกษาระยะเวลาและประสิทธิภาพของการควบคุมแมลงวันพริกในสภาพแปลงปลูก และ Sub plot คือ ชนิดของเหยื่อล่อที่คัดเลือกมาจากการทดสอบสภาวะที่เหมาะสมของการพัฒนาเหยื่อล่อ) เปรียบเทียบกับชุดควบคุม คือ น้ำกลั่น (ชุดควบคุมเชิงลบ) และ เหยื่อล่อทางการค้า (ชุดควบคุมเชิงบวก) นำข้อมูลจำนวนและเพศที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ผลทางสถิติ เปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์การดึงดูดแมลงวันพริกจากจำนวนแมลงเฉลี่ย (ตัว/กับดัก/วัน) รวบรวมผลผลิตพริกเพื่อประกอบการประเมินการลดความเสียหายของผลผลิตพริกอันเนื่องมาจากแมลงวันผลไม้ชนิดต่าง ๆ ที่เข้าทำลายผลพริก ผลการศึกษาพบว่า สภาวะที่เหมาะสมของสารทดสอบทั้ง 3 ชนิด คือ การใช้สารแอลฟ่า-ไอโอนอน ปริมาณ 0.8 มิลลิลิตร โปรตีนไฮโดรไลเสท ปริมาณ 0.4 กรัม และ cade oil 0.35 มิลลิลิตร โดยให้ผลในการเจริญของเส้นใย ความเข้มข้นสปอร์ และอัตราการงอกของสปอร์ของเชื้อรา B. bassiana สูงสุด เท่ากับ 31 มิลลิเมตร 5.31 โคนิเดีย/มิลลิลิตร และร้อยละ 53.67 เมื่อทดสอบความเป็นพิษจากการคำนวณเปอร์เซ็นต์การยับยั้งการเจริญของเชื้อราเปรียบเทียบระหว่าง PDA ที่ผสมสารทดสอบ กับไม่ผสมสารทดสอบ เมื่อประเมินประสิทธิภาพในการยับยั้งจากค่า PIRG พบว่า มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.06 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นค่าที่น้อยกว่า 50.00 เปอร์เซ็นต์ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการยับยั้งระดับต่ำ หรือสารทดสอบมีความเป็นพิษต่ำมาก ไม่ส่งผลต่อการเจริญของเชื้อรา B. bassiana โดยเชื้อราชนิดนี้ยังคงสร้างเส้นใยได้จำนวนมาก เส้นใยที่เจริญมีลักษณะไม่หดตัว ไม่ลีบแบน มีความโป่งพองเนื่องจากยังคงเจริญและดูดสารอาหารได้ปกติ สปอร์ของเชื้อรา B. bassiana มีลักษณะขอบมน ไม่แตกหรือบิดเบี้ยว จากการศึกษา

ประสิทธิภาพของเหยื่อล่อในสภาพแปลงพริก พบว่า แมลงวันผลไม้ในกับดักที่ใช้น้ำกลั่นที่เป็นกรรมวิธีชุดควบคุมเชิงลบ (0.81 ตัว/กับดัก) แตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง P<0.01 กับกรรรมวิธีเหยื่อล่อแมลงวันพริกชนิดเชื้อราฆ่าแมลง (66.25 ตัว/กับดัก เป็นเพศเมียเฉลี่ย 39.75 และเพศผู้ 26.50 ตัว/กับดัก) และเหยื่อทางการค้าที่เป็นกรรมวิธีชุดควบคุมเชิงบวก (80.81 ตัว/กับดัก เป็นเพศเมียเฉลี่ย 44.97 และเพศผู้ 38.84 ตัว/กับดัก) อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกชนิดของแมลงวันผลไม้ในกับดักพบว่า กรรรมวิธีเหยื่อล่อแมลงวันพริกชนิดเชื้อราฆ่าแมลงที่พัฒนาขึ้นมีแมลงวันพริก B. latifrons ชนิดเดียว ขณะที่เหยื่อทางการค้าที่เป็นกรรมวิธีชุดควบคุมเชิงบวก พบแมลงวันผลไม้ 2 ชนิด ได้แก่ แมลงวันพริก B. latifrons แมลงวันทอง B. dorsalis สำหรับผลผลิตพริกที่รวบรวมได้ในแปลงพริกที่ทดสอบรวบรวมผลผลิตพริกได้เฉลี่ย 60.38 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 322.75 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่ปริมาณผลผลิตพริกจากแปลงที่ไม่ทดสอบประสิทธิภาพเหยื่อล่อรวบรวมได้เท่ากับ 34.13 กิโลกรัม คิดเป็น 273 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งผลผลิตพริกในแปลงที่ใช้เหยื่อล่อให้ผลผลิตพริกมากกว่าถึง 1.77 เท่า

เอกสาร / ลิงก์: 

(คลิกที่ชื่อรายการเพื่อเปิด) 

การพัฒนานวัตกรรมเหยื่อเชื้อราฆ่าแมลงสำหรับการควบคุมแมลงวันพริก