รายละเอียด: |
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมต่อพื้นที่ปลูกในภาคใต้ และคุณค่าทางโภชนะของข้าวโพดอาหารสัตว์ที่ปลูกทดสอบในพื้นที่แปลงปลูกพืชของเกษตรกร ตำบลทุ่งลาน อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา โดยการวิจัยแบบผสานวิธี จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ พบว่า ทั้งแปลงเกษตรกรและแปลงสถานีปฏิบัติการพืชไร่ มีเนื้อดินค่อนข้างหยาบ มีค่า pH เป็นกรดถึงเป็นกลาง มีค่าการนำไฟฟ้าในเกณฑ์ปกติ ไม่มีปัญหาการสะสมเกลือ และมีปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ จากการทดลองพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวน 4 สายพันธุ์ ได้แก่ นครสวรรค์ 4, นครสวรรค์ 5, ซี.พี. 303 และ ซี.พี. M26 พบว่า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แต่ละสายพันธุ์มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ทั้งความสูงต้น ความกว้างโคนต้น วันออกดอกตัวผู้และวันออกไหม แต่พบว่ามีการผสมเกสรและสร้างเมล็ดน้อยลง ทั้งนี้อาจเนื่องจากสภาพภูมิอากาศในช่วงระหว่างการทดลองมีความแปรปรวน (ภาวะแล้ง) (เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนเมษายน 2567) อากาศร้อน แล้งมากกว่าปกติ ส่งผลให้ข้าวโพดมีอัตราการคายน้ำสูงกว่าปกติ ส่งผลต่อผลผลิตต้นสดของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้ง 4 สายพันธุ์ มีความสามารถในการปรับตัวได้ดี ทนแล้ง ในส่วนของคุณค่าทางโภชนะของอาหารสัตว์หมักจากการหมักต้นและฝักของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ นส.4 และสายพันธุ์ ซี.พี. M26 มีค่า pH ต่ำไม่ต่างกัน และมีโปรตีนค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเหมาะสมกว่าสำหรับการทำพืชหมัก และสายพันธุ์ ซี.พี. M26 ยังมีปริมาณลิกนินค่อนข้างสูงด้วย ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ประโยชน์จากพืชอาหารสัตว์ และหากเกษตรกรต้องการการย่อยได้สูง ควรเลือกสายพันธุ์ที่มี ADF ต่ำ นั่นคือสายพันธุ์ นส.4 มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด จึงเหมาะกับสัตว์จำพวกโคเนื้อหรือแพะได้ดีกว่า สายพันธุ์อื่น ๆ โดยเกษตรกรและผู้สนใจควรเลือกใช้ตามวัตถุประสงค์การเลี้ยงและชนิดของสัตว์ต่อไป
จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการนำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ พบว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน โคเนื้อ ตำบลทุ่งลาน และเกษตรกร ตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา ให้ความสนใจในการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หมักเป็นอาหารสัตว์ในการเลี้ยงสัตว์และลดต้นทุนอาหารสัตว์ที่มีราคาแพงในบางฤดูกาล ดังนั้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้ง 4 สายพันธุ์ ต่างก็มีความมีศักยภาพดีเด่น ให้ผลผลิตต้นสดสูง และมีคุณค่าทางโภชนะของอาหารสัตว์หมักต่อการผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อไปได้ |