การศึกษากระบวนการแต่งขยายเพลงโหมโรงจากเพลงประจำสถานศึกษา : กรณีศึกษาเพลงโหมโรงปาริฉัตร

ประเภท: 

งานวิจัย

ผู้แต่ง: 

บรรเทิง สิทธิแพทย์

สำนักพิมพ์: 

มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ปีที่พิมพ์: 

2551

เลขหมู่: 

ว.780.9593 บ17ก

รายละเอียด: 

การศึกษากระบวนการแต่งขยายเพลงโหมโรงจากเพลงประจําสถานศึกษา พบว่าเพลง ปาริฉัตร ซึ่งเป็นเพลงจังหวะวอลซ์ ประจํามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มี ๔ ท่อน คือ ท่อน A, ท่อน B, ท่อน C และท่อน D ผู้วิจัยนําท่อน A มาแต่งขยายเป็นท่อน ๑ ในอัตรา ๓ ชั้น นําท่อน B มาแต่งขยายเป็นท่อน ๒ นําท่อน ๑ มาแต่งทางเปลี่ยนเป็นท่อน ๓ นําท่อน ๒ มาแต่งทางเปลี่ยนเป็นท่อน ๔ นําท่อน C และท่อน D มาบรรเลงเป็นท่อน ๕ โดยยังคงจังหวะและทํานองเดิมไว้ลงจบด้วยเพลงท้ายวา ใช้หน้าทับปรบไก่ ๓ ชั้น และจังหวะวอลซ์ ในท่อนที่ ๕ ท่อน ๑ - ๔ มีความยาวท่อนละ 4 จังหวะหน้าทับปรบไก่ ท่อน ๑ และท่อน ๒ เป็นทํานองทางพื้น มีทํานองลักจังหวะในท่อน ๑ จังหวะที่ ๒ ครึ่งหลัง และจังหวะที่ ๓ ครึ่งแรก ท่อน ๒ จังหวะที่ ๓ ครึ่งหลัง และจังหวะที่ ๔ ครึ่งแรก ท่อน ๓ และท่อน ๔ เป็นทางเปลี่ยนของท่อน ๑ และท่อน ๒ เป็นทํานองลูกล้อ ลูกขัด ลูกเหลื่อม ลูกนํา และลูกตาม ท่อน ๕ เป็นทํานองเดิม ท่อน C และท่อน D จังหวะวอลซ์ ลงจบด้วยเพลงท้ายวา ตามแบบ แผนของเพลงโหมโรงเสภา - ผู้วิจัยได้ใช้หลักการประพันธ์เพลงไทยแต่งขยายจากเพลงจังหวะวอลซ์ (3/4) เป็นเพลง อัตรา ๓ ชั้น (214) บรรเลงใน ๒ ระดับเสียง คือ ๑. การบรรเลงแบบโหมโรงเสภา ใช้ปี่พาทย์ไม้แข็ง เครื่องห้า เครื่องคู่ เครื่องใหญ่) ขึ้นต้นด้วยรัวประลองเสภา ต่อด้วยเพลงโหมโรงจนจบเพลง บรรเลงในระดับเสียงนอก (ทางกรวด) ๒. การบรรเลงด้วยปี่พาทย์ไม้นวม , เครื่องสาย หรือมโหรี ไม่ต้องขึ้นต้นด้วยรัวประลอง เสภา บรรเลงโหมโรงได้เลย และลดเสียงมาบรรเลงในเสียงเพียงออบน (ทางมโหรี) Keyword : เพลงโหมโรง , เพลงประจําสถานศึกษา กระบวนการแต่งขยายเพลง

ไฟล์เอกสาร: 

(คลิกที่ชื่อเอกสารเพื่ออ่าน) 

ส่วนหน้า

บทคัดย่อ

สารบัญ

บทที่1 บทนำ

บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

บทที่3 วิธีดำเนินการวิจัย

บทที่4 เพลงโหมโรงปาริฉัตร 3 ชั้น

บทที่5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ

บรรณานุกรม

ภาคผนวก

ประวัติผู้วิจัย